วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2555



คนไทยรู้จักการปลูกข้าว มาช้านานมากว่า  ๕,๖๐๐  ปีมาแล้ว  จากหลักฐาน โบราณคดีที่บ้านเชียง  อุดรธานี    ซึ่งพบซากของเมล็ดข้าว โรยอยู่รอบ ๆ  
โครงกระดูกมนุษย์  

การทำนาถือเป็นอาชีพที่เก่าแก่ของคนไทย   สืบทอดมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ ในสมัยโบราณ  โดยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกที่ปลูกข้าว  เริ่มจากที่ ภาคอีสานของไทยก่อน  และในยุคสุโขทัย เริ่มมีการนำแรงงานสัตว์เข้ามาช่วย ในการทำนา 


ชาวนาไทยยุคปัจจุบัน  มีแต่หนี้สินท่วมตัว

ชาวนาไทยยุคปัจจุบัน  เหนื่อยยากลำบากแสนสาหัส หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน มาตั้งแต่หนุ่มสาว  จนแก่  ทำนาแล้วมีแต่หนี้สินท่วมตัว  ที่นาก็หลุดไปเป็นของ
นายทุนหมด   รุ่นลูก รุ่นหลาน  ก็ไม่อยากจะทำนากันแล้ว

แล้วใครเล่า !!  จะสืบทอดอาชีพชาวนา  ปลูกข้าวให้คนไทยได้กินกันต่อไป

แต่ก็ยังมี ชาวนาไทยน้อยคนนัก ที่ทำนาแล้วรวย  มีเงินล้าน   พอจะเป็นตัวอย่าง
ของชาวนาไทยที่ประสบความสำเร็จได้บ้าง   ลองศึกษาวิธีการของเขาแล้ว
พอจะทราบว่า   เขาทำนาแตกต่างจากคนอื่นอย่างไร  คิดนอกกรอบอย่างไร
จึงประสบความสำเร็จ  เป็นตัวอย่างให้แก่ชาวนาไทยคนอื่น ๆ ได้


ชาวนาเงินล้าน  ชัยพร  พรหมพันธุ์  แห่ง บางปลาม้า  สุพรรณบุรี



ชัยพร  จบเพียงแค่ประถมสี่   เขาทำนาแบบที่เรียกว่า เกษตรอินทรีย์

"ใครว่าทำนาแล้วจนไม่จริงหรอก สำคัญที่ต้องรู้จักใช้สมอง ไม่ใช่ทำนา แบบผู้จัดการนา  มีมือถือเครื่องเดียว โทรสั่งทุกอย่าง มีนาเป็นของตัวเอง
อย่างเดียว  ที่เหลือจ้างและซื้อ ทำนาอย่างนั้นล่ะจนแน่ นาก็จะไม่เหลือด้วย

อย่างผมนี่ทำนาได้ปีละล้าน เก็บใบเสร็จไว้ให้ดูด้วย  เผื่อใครว่าโม้ เห็นเป็นชาวนาหน้าดำอย่างนี้  กำหนดเงินเดือนให้ตัวเองเดือนละหกหมื่น
เมียหกหมื่น ลูกสามคน ส่งจนจบปริญญาโท  เขาขายนาส่งลูกเรียน แต่ผม
มีแต่จะซื้อนาเพิ่ม"

เขาใช้ปุ๋ยขี้หมู  ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี  รู้จักทำเครื่องไม้เครื่องมือใช้เอง โดยการ
ดัดแปลงวัสดุต่าง ๆ  และใช้สมุนไพรในการป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูข้าว
เพื่อลดต้นทุนการผลิต  และยังจ่ายแจกเพื่อนบ้านด้วย

เขาทำนาร้อยไร่  โดยทำงานเพียงสองคนสามีภรรยาเท่านั้น  ทำเองทุกอย่าง
และทำอย่างประณีต

เขาเป็นคนรู้จริง ขยัน และอดทน มุ่งลดต้นทุนการผลิตให้มาก และควรเป็น
ต้นแบบ ให้ชาวนาไทยคนอื่น ๆ ได้ปฏิบัติตามเขาบ้าง  เพื่อจะได้ลืมตาอ้าปาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น